ขายได้ขายดี! กับ 5 เทคนิคขายของใน IG ให้ปังแม้เป็นมือใหม่

การขายของใน IG ให้ปังนั้นไม่ได้เริ่มจากการทุ่มเงินเพื่อยิงโฆษณา แต่อยู่ที่การสร้างคอนเทนต์เพื่อทำให้แบรนด์น่าสนใจและมีเอกลักษณ์จนสามารถดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อรู้แบบนี้ แน่นอนว่าเจ้าของธุรกิจหลาย ๆ คนก็คงแอบเถียงในใจว่า การยิงโฆษณา ส่วนลด และโปรโมชันต่างหากเป็นวิธีทำคอนเทนต์ที่ถูกต้อง เพราะสุดท้ายลูกค้าก็จะซื้อของที่คุ้มค่าและราคาถูก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากลองมองในระยะยาว บอกเลยว่า แบรนด์ที่ขยันทุ่มงบโฆษณาเพียงอย่างเดียว นานวันเข้าก็จะไม่มีอะไรโดดเด่น และทำให้ลูกค้าอาจถอยหนีและหันหน้าไปซื้อสินค้ากับแบรนด์อื่นแทน ดังนั้น เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและมีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย วันนี้เราจะพาพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ทุกคนไปรู้จักกับ 5 เทคนิคขายของใน IG แบบง่าย ๆ แต่สร้างยอดขายได้จริงกัน จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูไปพร้อมกันได้เลย!

1. ทำ Feed และเรียงคอนเทนต์ให้น่าสนใจ

Instagram หรือ IG เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มลงรูปภาพที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านรายทั่วโลก แต่ด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และมีผู้ใช้งานมากมาย นอกจากจะมีโอกาสในการสร้างยอดขายแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจคู่แข่งในตลาดเองก็จะยิ่งมีสูงขึ้นเช่นกัน และหากยิ่งแต่ละธุรกิจมีการทำคอนเทนต์ที่มีรูปแบบคล้ายกันไปอีก คอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ ทั้ง Post, VDO, Story และ Reels ก็จะยิ่งได้รับการมองเห็นที่น้อยลงจากระบบอัลกอริทึมที่ประมวลผลผ่านคอนเทนต์แบบเดิม ๆ ที่ซ้ำไปซ้ำมา

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ให้ได้มากที่สุด หากธุรกิจไหนต้องการสร้างความแตกต่างในสนามการค้าที่แสนดุเดือด และสามารถหาช่องทางขายของใน IG ให้ปัง อย่าลืมกำหนดทิศทางการทำคอนเทนต์ของแบรนด์ให้ชัดเจน พร้อมปรับคอนเทนต์ให้หลากหลาย และทำ Feed หรือหน้าแรกของ IG ให้ดูน่าสนใจและแปลกใหม่มากที่สุด ซึ่งนอกจากจะสร้างความแตกต่างแล้ว ลูกค้ายังสามารถจดจำร้านของเราได้ง่ายขึ้น แถมระบบอัลกอริทึมหลังบ้านก็อาจแสดงผลคอนเทนต์ของเราไปสู่สาธารณะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ใช้ Story ให้เป็นประโยชน์

เจ้าของธุรกิจหลายคนอาจมองว่า ฟีเจอร์ Story ใน IG นั้นเป็นช่องทางที่อาจสร้างยอดขายไม่ได้มากเท่าที่ควร เพราะด้วยระยะเวลาการแสดงผลที่สั้น อีกทั้งลูกค้ายังกดเลื่อนผ่านได้ง่าย เจ้าของธุรกิจจำนวนมากจึงเชื่อว่า ฟีเจอร์ Story จึงอาจไม่เหมาะที่จะนำมาทำการตลาด

แต่ในความเป็นจริงแล้ว รู้หรือไม่? จากสถิติแล้ว Story บน IG นั้นมีผู้ใช้งานเฉลี่ยวันละ 500 ล้านราย แถม 1 ใน 3 ธุรกิจที่ใช้ Story ในการโปรโมตสินค้ายังสามารถปิดการขายได้ผ่านทาง Direct Message หรือที่วัยรุ่นมักเรียกว่า DM อีกด้วย

โดยเทคนิคขายของใน IG ผ่านการใช้ Story นั้นควรจะเริ่มต้นจากการใช้รูปภาพนิ่งก่อน จากนั้นจึงใช้ Story ในรูปแบบของวิดีโอเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจตามมา โดยเจ้าของธุรกิจสามารถเลือกออกแบบภาพและเสียงให้เข้ากับแบรนด์ และมองหาลูกเล่นอื่น ๆ ทั้ง Filter Sticker และรูปภาพต่าง ๆ มาสร้างคอนเทนต์ที่ดู Organic และ Original มากขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นการลง Story แบบรูปภาพ เสียง หรือวิดีโอ อย่าลืมตรวจสอบลิขสิทธิ์ให้ดีก่อนใช้งานด้วย

3. ลองใช้ Reels และเลือก Hashtag เพื่อเพิ่มการมองเห็น

สำหรับธุรกิจที่ต้องการขายของใน IG ให้ปัง แต่ตัวธุรกิจที่ทำดันมีคู่แข่งในตลาดที่สูงจนทำให้สร้างยอดขายไม่ได้มากเท่าที่ควร บอกเลยว่า หากต้องการเพิ่มยอดขายและแก้ปัญหานี้ให้ได้ตรงจุดมากที่สุด สิ่งที่เจ้าของธุรกิจควรทำ คือ การหาวิธีเพิ่มการมองเห็นให้แบรนด์ของตัวเอง ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การซื้อโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ หรือ Awareness ให้แก่ธุรกิจไปจนถึงการวางโครงสร้างคอนเทนต์ใหม่เพื่อสร้างความแตกต่าง

อย่างไรก็ดี หากใครเพิ่งขายของใน IG ไม่นาน หรือเป็นมือใหม่ในสนามการค้านี้ การใช้ Reels และเลือก Hashtag ให้เหมาะสมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดทั้งงบและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน โดยทั้ง Reels และ Hashtag นี้จะเป็นอีกหนึ่งวิธีนำเสนอคอนเทนต์เข้าสู่สาธารณะเพื่อให้ระบบอัลกอริทึมพาคอนเทนต์และสินค้าของเราไปสู่กลุ่มผู้ที่สนใจได้ในเวลาไม่นานมาก แถมเมื่อเวลาผ่านไปและสินค้าของเราได้รับความนิยมมากขึ้น Hashtag และ Reels ของเราก็จะกลายเป็น Keyword ที่สามารถค้นหาใน IG และเพิ่มยอดขายในอนาคตได้เช่นกัน

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว อย่าลืมออกแบบ Reels ให้เหมาะสมกับสินค้า พร้อมเลือกคำมาทำ Hashtag ให้ปัง ลูกค้าจำและเข้าถึงได้ง่าย และที่สำคัญ ต้องติด Hashtag ในโพสต์บ่อย ๆ เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้มากขึ้นอีกด้วย

ขายของใน IG ให้ปัง มือใหม่ทำได้

4. อย่าลงรูปเดียวติดกันหลาย ๆ รูป

จริงอยู่ว่า การลงรูปหลาย ๆ รูปติดต่อกันในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมจะสามารถช่วยเพิ่มการมองเห็นและสร้างยอดขายได้ แต่อย่างไรก็ดี เจ้าของธุรกิจหลายคนก็ยังเลือกโพสต์รูปเดิมติดต่อกันหลาย ๆ โพสต์อยู่ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกค้าเห็นรูปและข้อความที่ต้องการนำเสนอมากที่สุด

แต่แท้ที่จริงแล้ว การทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า คอนเทนต์ของแบรนด์น่าเบื่อและไม่มีอะไรสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ธุรกิจยังดูไม่มีความพยายามในการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้า แถมระบบ IG ก็อาจคิดว่า ธุรกิจของเราเป็นสแปมและเสี่ยงโดนแบนจากระบบอีกด้วย ดังนั้น เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว อย่าลืมเลือกรูปให้เหมาะสมก่อนโพสต์ทุกครั้ง และอย่าลงรูปเดียวติด ๆ กันหลายรูปด้วย

5. อย่ามองข้าม Carousel Post

หากต้องการขายของใน IG ให้ปัง บอกเลยว่า ห้ามมองข้ามฟีเจอร์อย่าง Carousel Post เป็นอันขาด โดยฟีเจอร์พิเศษนี้จะสามารถให้ธุรกิจของเราลงรูปและวิดีโอสินค้าได้ติดต่อกันถึง 10 รูปในโพสต์เดียว ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวมาในปี 2017 แบรนด์ต่าง ๆ ได้นิยมนำฟีเจอร์ Carousel Post มาใช้เพื่อเพิ่มยอด Engagement ให้แก่ธุรกิจกันอย่างต่อเนื่อง จากสถิติแล้ว Carousel Post สามารถเพิ่ม Engagement หลังบ้านให้ธุรกิจได้สูงถึง 20% เลยทีเดียว

สำหรับเทคนิคขายของใน IG ให้ปังด้วย Carousel Post สามารถทำง่าย ๆ ด้วยการจำกัดรูปโพสต์อยู่ที่ 6 – 9 รูป โดยอาจสลับเป็นวิดีโอและรูปภาพเพื่อเพิ่มความสนใจและ Engagement ให้แก่ธุรกิจมากขึ้น

เพราะการขายของให้ประสบความสำเร็จเริ่มต้นที่เทคนิคและคุณภาพของสินค้า ดังนั้น เมื่อรู้จักเทคนิคขายของใน IG ให้ปังแล้วก็อย่าลืมเลือกสินค้าคุณภาพดี ๆ มาจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเพื่อสร้างยอดขายที่ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ด้วย สำหรับใครที่ต้องการก้าวเข้าสู่ธุรกิจเพื่อสุขภาพไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพคุณภาพสูง ตอนนี้ Dealer The iCon เปิดรับสมัครตัวแทนดรอปชิปสินค้าเพื่อสุขภาพจาก The iCon Group คุณภาพแน่นทุกผลิตภัณฑ์ ดูแลสุขภาพได้จริง พร้อมนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจเพื่อดูแลสุขภาพต่อได้

Shopping Cart
error: Content is protected !!
Scroll to Top