“คุณพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” โฟกัสทั้งชีวิตกับธุรกิจขายออนไลน์ จนเป็น “ดิไอคอนกรุ๊ป”


ถอดรหัสความคิด “คุณพอล – วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” จากชีวิตติดลบสู่การเป็นเจ้าของอาณาจักร The iCon Group (ดิไอคอนกรุ๊ป) ที่กำลังสร้างโมเดลสถาบันของการเป็นผู้ค้าออนไลน์


ถ้าพูดถึง The iCon Group (ดิไอคอนกรุ๊ป) ซึ่งก่อตั้งโดย “คุณพอล – วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ อาจมีหลายคนที่ยังไม่คุ้นเคยมากนัก เพราะแบรนด์ ดิไอคอนฯ เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ผนวกกับที่ผ่านมาก็เน้นโฟกัสเฉพาะกลุ่มตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก

ถึงเช่นนั้น ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจออนไลน์ ในรูปแบบการซื้อมา ขายไปก็โหมทำการตลาด โดยเฉพาะการใช้พรีเซนเตอร์ระดับดาราแถวหน้าของประเทศ ปรากฏอยู่บนป้ายโฆษณาหลายโลเคชันใจกลางเมือง ไม่นับการเปิดตัว “พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดช” ในฐานะพรีเซนเตอร์คน ล่าสุดของ “Boom iZ” (บูม ไอซี) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสายตา ซึ่งหวังเจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่น และกลุ่ม First – Jobber ที่สนใจเรื่องสุขภาพ 

กลยุทธ์การทำการตลาดที่สร้างทอล์คออฟเดอะทาวน์ เมื่อรวมกับยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ ดิไอคอนฯ ในปัจจุบัน กลายเป็นแบรนด์ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดแบรนด์หนึ่ง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ “คุณพอล – วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ผู้ก่อตั้ง และ CEO ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด 

เขาคือ ผู้คร่ำหวอดในวงการธุรกิจออนไลน์ และหนึ่งในกลยุทธ์ที่เขาบอกถึงการเติบโตนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่า การทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด และโฟกัสจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

“ผมไม่ได้บอกว่าทำหลายๆ อย่างมันไม่ดีนะ แต่ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้ดิไอคอนฯ เติบโตอย่างทุกวันนี้ หนึ่งในนั้นคือเราเข้าใจตัวเอง เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วก็โฟกัสมันทุกวัน หลายคนอยู่ในธุรกิจออนไลน์มาก่อน แต่พอเริ่มเติบโตแล้วก็ไม่ได้โฟกัส ไปสนใจธุรกิจอื่นบ้าง ไปลงทุนอย่างอื่นบ้าง แล้วก็เสียสมาธิกับสิ่งนี้ไป แต่สำหรับผมมากกว่า 13 ปี ผมไม่เคยทำอาชีพอื่น ผมไม่ได้ฉลาดกว่าใคร แต่ก็ฉลาดมากพอที่จะตั้งใจในสิ่งที่ทำ และทำซ้ำไปเรื่อยๆ” CEO ดิไอคอน กรุ๊ปฯ พูดถึงแนวทางการทำธุรกิจ 

  • จากมนุษย์เงินเดือนสู่ผู้ประกอบการ

ทุกวันนี้ คุณพอล – วรัตน์พล วรัทย์วรกุล รู้จักดีในนามของนักธุรกิจออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ แต่ในทุกๆ ครั้ง ที่ได้มีโอกาสแชร์ประสบการณ์ บทเรียนหนึ่งที่เขามักจะบอกให้ใครต่อใครฟังคือประสบการณ์การไต่เต้าจากการเป็นพนักงานเสิร์ฟ Part-Time สู่การเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นพนักงานขาย และอีกหลายประสบการณ์กว่าที่เขามายืนอยู่ตรงจุดนี้

“จุดเริ่มต้นมันมาจากความไม่มีครับ เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับสิ่งที่เราต้องการ เมื่อเราอยากมีชีวิตที่ดี แต่มันไม่มีก็ต้องทำเอาเอง หาเอง มันก็เริ่มจากตรงนั้น” คุณพอล เล่าถึงจุดเริ่มต้น ซึ่งเขาเล่าว่า ฐานะทางครอบครัวไม่ดีนัก จนเขาต้องทำงานตั้งแต่ตอนเรียน ทั้งการเป็นเด็กเสิร์ฟเบียร์ตอนกลางคืน ทำงานพิเศษ จนกระทั่งเริ่มงานประจำเพื่อแลกกับเงินเดือน 6,000 บาท

“ได้งานทำเป็นฝ่ายการตลาดให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง เงินเดือนเริ่มแรก 6,000 บาท แต่จำนวนแค่นั้นก็ไม่พอใช้อยู่ดี เราก็อาศัยความขยัน ทำงานพิเศษเพื่อมาเลี้ยงตัวเองต่อ ก็เข้าใจว่า ณ วันนั้นความรู้ ประสบการณ์ เรามีได้เท่านั้น แต่พอทำได้ดีขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น บวกกับความขยันเป็นพื้นฐาน รายได้ก็เยอะขึ้น”

ในช่วงชีวิตของการทำงานประจำ คุณพอล บอกว่า เขามาทำงานเป็นคนแรกๆ และกลับบ้านเป็นคนเกือบสุดท้ายเสมอ ซึ่งความขยันเช่นนี้ ก็ตอบแทนเขาด้วยเงินเดือนประจำก่อนออกจากงานที่ตัวเลข 60,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนั้นเขาถือว่าโอเคสำหรับตัวเอง แต่ก็ไม่ดีพอจะดูแลครอบครัว เขาจึงตัดสินใจลาออก เพื่อมาเข้าสู่ธุรกิจการขายอย่างเต็มรูปแบบ

“ผมเชื่อว่าความขยันเป็นพื้นฐาน แต่จุดตัดที่ทำให้คนขยันแล้วรวยต่างจากอีกคนหนึ่งคือมันต้องขยันถูกที่ และเป็นที่มาของการออกจากงานเพื่อลงมือทำอะไรสักอย่างที่คิดไว้”

  • เอาชนะภาพลบด้วยความจริงใจ

ธุรกิจเริ่มแรกของมนุษย์เงินเดือนที่เข้าสู่การทำธุรกิจของตัวเองคือการเป็นคนขายกระเบื้องออนไลน์ แต่ถึงเช่นนั้นธุรกิจขายออนไลน์เมื่อสิบกว่าปีกับปัจจุบันนี้ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คุณพอล เล่าว่า เมื่อคิดจะขายออนไลน์เขาเริ่มจากไปเรียนเขียนเว็บไซต์ ศึกษาแพลตฟอร์มการทำธุรกิจ E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) ในรูปแบบต่างๆ

“เสน่ห์ของการขายออนไลน์คือการเปิดกว้างให้คนไม่มีทุน ไม่มีหน้าร้าน ไม่มีที่สต็อกของก็ยังทำธุรกิจได้ แต่ยุคนั้นมันต้องเริ่มใหม่หมด สมัยก่อนไม่มีเฟซบุ๊ก ผมต้องไปเรียนเขียนเว็บไซต์ เรียนการทำ SEO และในเมื่อผมเป็นเจ้าของธุรกิจ ผมทำเองหมดทุกหน้าที่ ตั้งแต่เซลล์ บัญชี ผู้จัดการ สต็อกสินค้า เป็นทุกอย่าง”

อย่างไรก็ดี Pain Point (จุดอ่อน ) ของคนขายออนไลน์ ในยุคเริ่มแรกคือภาพลักษณ์ของคนขายของออนไลน์ ซึ่งขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่ง คุณพอล แชร์ประสบการณ์ว่า เขาเลือกที่จะไม่อธิบายแต่จะขอพิสูจน์ตัวเองด้วยการเดินเข้าไปแสดงตัวตนแทนเลย ซึ่งวิธีนี้ช่วยได้มากและผนวกเข้ากันได้ดีกับพฤติกรรมการซื้อ นั่นคือเริ่มศึกษาจากออนไลน์ แต่ยังต้องการปิดการซื้อขายด้วยธุรกรรมแบบออฟไลน์อยู่

“เราใช้ออนไลน์ในการนำเสนอตัวตน แต่เมื่อถึงการจะอธิบายถึงสินค้า และการขาย ผมจะใช้วิธีนัดพบกันตัวเป็นๆ การเอาตัวอย่างกระเบื้อง Walk-In ไปให้เขาดู ทำตัวเหมือนเซลล์ นัดเจอได้ทุกเวลา ทั้งห้าง ในไซต์งานก่อสร้าง พอเจอตัวเป็นๆ แล้วเราขายความจริงใจ มันสัมผัสได้ และเมื่อเขาสั่งสินค้าไป การออกบิลในนามบริษัทก็มีจริงทุกอย่าง มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ แม้ว่าเราจะไม่มีที่ทำการบริษัทหรือจำนวนพนักงานมากมาย” 


  • การเดินทางของ ดิไอคอน กรุ๊ป

เมื่อลบจุดอ่อนของการขายออนไลน์ในยุคนั้นได้ ธุรกิจขายกระเบื้องก็เติบโตมาเป็นลำดับ แต่จุดเปลี่ยนของชีวิตธุรกิจคือการเปิดตัว “ดิไอคอนกรุ๊ป” ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักเช่นในทุกวันนี้

“ในช่วงที่ขายกระเบื้องออนไลน์ เราเห็นความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจมาตลอด และสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตคือเทรนด์ของการดูแลสุขภาพที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เราเห็นว่าทุกคนอยากมีชีวิตที่ดี มีสุขภาพที่ดี ทำให้เราติดตามความเป็นไปของธุรกิจด้านสุขภาพมาตลอด และคิดว่าหากวันหนึ่งจะเริ่มต้นธุรกิจ ธุรกิจด้านสุขภาพเป็นเป้าหมายของเรา” 

“เราเป็นตัวแทนจำหน่ายมา ร่วมๆ 10 ปี ตั้งแต่ขายกระเบื้อง ขายอาหารเสริม เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ถึงตรงนี้เรารู้ว่าตัวแทนจำหน่ายมันไปได้ และเราเองก็สามารถโตได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของโรงงานเอง พอถึงจุดนึงเราตั้งคำถามว่า ถ้าเรามีศักยภาพมากพอ แล้วเราสร้างบริษัทขายของออนไลน์ในฝันมันจะดีไหม เมื่อคิดแล้วก็อยากทำ เพราะนี่คือความฝันในอาชีพ เราจะต่อยอดการขายออนไลน์ให้ดีที่สุด”

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ The iCon Group (ดิไอคอนกรุ๊ป) ซึ่งโฟกัสไปที่สินค้าสุขภาพอย่างที่ตั้งใจไว้ และในช่วงเริ่มแรกนี้ The iCon Group มีผลิตภัณฑ์แจ้งเกิดประเภทแรกคือ บูม คอลลาเจน (Boom Collagen ) ซึ่งมี ลิเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน เป็นพรีเซนเตอร์ ก่อนที่จะแตกไลน์ไปสู่สินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริมความงาม

ในสนามออนไลน์นั้น มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลว แต่ถ้าถามว่า กลยุทธ์ของการขายออนไลน์คืออะไร คุณพอล บอกว่า อย่างแรกคือ สินค้าต้องมีคุณภาพและสร้างความแตกต่าง เพราะอย่าลืมว่านี่คือกระดูกสันหลังหลักของการค้าขาย จากนั้น ก็คือเรื่องระบบ ซึ่ง ดิไอคอนกรุ๊ป พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ของตัวเองเพื่อให้ต่อเนื่อง ลงทุนสร้างทีมการตลาด ทีมโปรดักส์ชั่นของตัวเองแทนการจ้าง Outsource ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าทีมงานจะมีองค์ประกบครบถ้วนที่สามารถสร้างให้ยอดขายเติบโต

“สำคัญอีกข้อ คือปัจจัยด้านความรู้ เรารับสมัครตัวแทน ที่ไหนๆ ก็รับ แต่เราเป็นที่เดียวที่เป็นสถาบันในการสอนขายออนไลน์มีคอร์สเรียนออนไลน์เพื่ออัปเดตเทรนด์ตลาด พร้อมทั้งความรู้ในการทำธุรกิจให้อย่างครบถ้วน อีกทั้งเมื่อเรียนจบแล้ว ทาง The iCon Group ยังมีโค้ชและที่ปรึกษาทางการตลาดที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องการขายตลอดการทำธุรกิจอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ช่วยตอบโจทย์นักลงทุนมือใหม่ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์ ตลอดจนนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญแต่ต้องการอัปเดตความรู้อย่างต่อเนื่อง”

ขณะที่ปัจจัยอีกด้าน คุณพอล วรัตน์พล มองว่า คือปัจจัยเรื่องราคา ซึ่งเขานิยามว่าเป็น Pricing Strategy นั่นคือการตั้งราคาที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยที่คุณภาพสินค้าต้องดีกว่า

“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด มันไม่ได้เป็นแค่ในวันเดียว แรกๆเราก็ต้องซื้อมาขายไป หรือสั่งผลิตใน Volume เล็กๆ แต่เมื่อเติบโตขึ้น มีพาร์ทเนอร์เยอะขึ้น มีความชำนาญมากขึ้น ประสบการณ์เหล่านั้นจะสอนเรา และเสริมความแข็งแกร่งด้วยเทรนด์อื่นๆที่จำเป็นในการขายออนไลน์ เช่น พัฒนาระบบ Micro Fulfillment ขึ้นมาเพื่อช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถบริหารพื้นที่เก็บของและขายของได้อย่างลงตัว การทำงานร่วมกับระบบ Dropship Fulfillment ที่ให้เจ้าของธุรกิจสั่งออเดอร์โดยที่ทางบริษัทจะทำการแพ็กและจัดส่งสินค้าให้ถึงลูกค้าปลายทางให้แบบครบจบ ซึ่งสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าของธุรกิจได้” 

สิ่งเหล่านี้ คุณพอล วรัตน์พล บอกว่า เกิดจากประสบการณ์และความสนใจศึกษาและหาแนวทางเพื่อมาตอบความสนใจของผู้บริโภค

“ตั้งแต่เข้าวงการขายออนไลน์มา ผมโฟกัสตลอด มากกว่า 13 ปี ผมใส่ใจกับมัน ผมไม่ได้ฉลาดกว่าใคร แต่ก็ฉลาดพอที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้ดีขึ้น และถ้าถามผมว่าเป้าหมายคืออะไร ก็หวังว่า ดิไอคอน จะเติบโตขึ้นในทุกปี แม้จะเติบโตทีละน้อยแต่ก็ต้องโตขึ้น และในเมื่อธุรกิจออนไลน์ยังมีโอกาส ดิไอคอน ก็อยากเป็นสถาบันที่สอนให้คนเข้าใจในธุรกิจออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพและตรงไปตรงมา”

ทุกธุรกิจมีระยะเวลาต้องพิสูจน์ ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ เราต้องรอคอยให้ได้ รอคอยความสำเร็จให้เป็น 

แหล่งที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/corporate-moves/lifestyle/1022760

Shopping Cart
error: Content is protected !!
Scroll to Top